
เอกภพ
- ทฤษฎีบิกแบง
คำว่า "เอกภพ" หรือ "จักรวาล" เป็นคำเดียวกันตรงกับคำว่า "Universe" ซึ่งหมายถึง ทั้งหมดของสรรพสิ่งทั้งสิ้นทั้งปวง เอกภพเป็นคำที่ใช้ในภาษาวิชาการ ส่วนคำว่าจักรวาลเป็นที่นิยมใช้แพร่หลายทั่วไป นักดาราศาสตร์ทำการสำรวจการเลื่อนแดงของกระจุกกาแล็กซีและพบว่า กระจุกกาแล็กซีทั้งหลายกำลังเคลื่อนที่ออกห่างจากโลกมากขึ้นในทุกทิศทาง จึงตั้งสมมติฐานว่า เอกภพกำลังขยายตัว โดยเปรียบเทียบว่า ถ้าลูกโป่งคือเอกภพ และจุดบนผิวลูกโป่งคือกระจุกกาแล็กซี เมื่อเราเป่าลูกโป่ง จุดแต่ละจุดบนผิวลูกโป่งจะมีระยะทางห่างจากกันมากขึ้น
ดาราจักร
ครั้งหนึ่งเราเคยเข้าใจว่าดาราจักรเป็นองค์ประกอบที่ใหญ่ที่สุดของเอกภพ แต่ปัจจุบันได้ค้นพบว่าหลายดาราจักรได้มาอยู่ใกล้กันด้วยแรงโน้มถ่วงเป็นระบบที่ใหญ่ขึ้นซึ่งเรียกว่ากระจุกดาราจักร (Cluster of Galaxy) และกระจุกดาราจักรได้มาอยู่ด้วยกันเป็นโครงสร้างกระจุกดาราจักรยักษ์ที่ใหญ่โตกว่ากระจุก
-ดาราจักร
ดาราจักรประกอบด้วยดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ เนบิวลา ฝุ่น กาซ รังสีคอสมิค คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและที่ว่างในอวกาศ เราจำแนกดาราจักรตามรูปร่างออกเป็น 3 ประเภทใหญ่คือ
1) ดาราจักรทรงรี (E,Elliptical Galaxy) มีความรีเรียงตามลำดับนับแต่เป็นทรงกลม E0 ไปจนถึงที่มีความรีมากที่สุดคือ E7
2) ดาราจักรทรงกังหัน (S, Spiral Galaxy) แบ่งออก 2 ชนิดใหญ่คือ ดาราจักรรูปกังหันปกติ (Normal Spiral Galaxy) และดาราจักรรูปกังหันคาน (Barred Spiral Galaxy) ทั้ง 2 ประเภทมีแขนวนรอบ บริเวณนิวเคลียสสว่างกว่าบริเวณแขนทั้ง 2 ชนิดยังแบ่งย่อยออกเป็น 3 แบบคือแบบ a,b,c โดยยึดหลักดังนี้ ความหนาแน่นการขดของแขนกังหัน ระยะห่างของแขนจากนิวเคลียสและขนาดของนิวเคลียส
ก ) ดาราจักรรูปกังหันปกติมีใจกลางคล้ายเลนส์นูนทั้ง 2 ข้าง ที่ขอบตรงกันข้ามมีแขน 2 แขนยื่นออกมาหมุนวนทันทีรอบนิวเคลียสไปทางเดียวกันและอยู่ในระนาบเดียวกัน แบ่งออกเป็น Sa, Sb และ Sc Sa มีบริเวณใจกลางขนาดใหญ่ แบนบาง แขนม้วนงอชิดกันGendler M31 Andromeda Galaxy Photo Sb มีบริเวณใจกลางขนาดเล็กลง แขน 2 ข้างใหญ่ขึ้นและเบนออกกว้างเช่นดาราจักรแอนโดรมิดาและดาราจักรของเรา Sc มีบริเวณใจกลางเป็นแกนเล็ก แขน 2 ข้างเบนออกจากตัวมากขึ้น
ข ) ดาราจักรรูปกังหันคาน มีจำนวนน้อยกว่าชนิดกังหันปกติ 2/3 ของทรงกังหันเป็นกังหันปกติ นอกนั้นเป็นกังหันคานที่มีแขนตรงออกจากนิวเคลียสคล้ายไม้คานก่อน จากปลายทั้ง 2 ข้างมีแขนขดโค้งขยายออกมาวนไปทางเดียวกัน จำแนกพวกย่อยเป็น SBa, SBb และ SBc พวก SBa มีแขนทั้งสองข้างต่อกันเป็นรูปทรงรีคล้ายอักษรกรีก มีใจกลางใหญ่ วงแขนชิดใจกลางพวก SBb มีใจกลางเล็กลง วงแขนวนห่างจากใจกลางมากขึ้น พวก SBc มีใจกลางเล็กยิ่งขึ้น แขนห่างจากใจกลางมากกว่าทั้งสองพวกแรก
3) ดาราจักรอสัณฐาน (Irr, Irregular galaxies) เป็นดาราจักรที่มีรูปร่างไม่แน่นอน มีจำนวนไม่มาก สังเกตลำบากว่าเป็นดาราจักรหรือเป็นก้อนกาซ ตัวอย่างเช่นดาราจักรเมฆแมกเจลแลนใหญ่และดาราจักรแมฆแมกเจลแลนเล็กซึ่งอยู่ทางซีกฟ้าใต้
คำว่า "เอกภพ" หรือ "จักรวาล" เป็นคำเดียวกันตรงกับคำว่า "Universe" ซึ่งหมายถึง ทั้งหมดของสรรพสิ่งทั้งสิ้นทั้งปวง เอกภพเป็นคำที่ใช้ในภาษาวิชาการ ส่วนคำว่าจักรวาลเป็นที่นิยมใช้แพร่หลายทั่วไป นักดาราศาสตร์ทำการสำรวจการเลื่อนแดงของกระจุกกาแล็กซีและพบว่า กระจุกกาแล็กซีทั้งหลายกำลังเคลื่อนที่ออกห่างจากโลกมากขึ้นในทุกทิศทาง จึงตั้งสมมติฐานว่า เอกภพกำลังขยายตัว โดยเปรียบเทียบว่า ถ้าลูกโป่งคือเอกภพ และจุดบนผิวลูกโป่งคือกระจุกกาแล็กซี เมื่อเราเป่าลูกโป่ง จุดแต่ละจุดบนผิวลูกโป่งจะมีระยะทางห่างจากกันมากขึ้น
ดาราจักร
ครั้งหนึ่งเราเคยเข้าใจว่าดาราจักรเป็นองค์ประกอบที่ใหญ่ที่สุดของเอกภพ แต่ปัจจุบันได้ค้นพบว่าหลายดาราจักรได้มาอยู่ใกล้กันด้วยแรงโน้มถ่วงเป็นระบบที่ใหญ่ขึ้นซึ่งเรียกว่ากระจุกดาราจักร (Cluster of Galaxy) และกระจุกดาราจักรได้มาอยู่ด้วยกันเป็นโครงสร้างกระจุกดาราจักรยักษ์ที่ใหญ่โตกว่ากระจุก
-ดาราจักร
ดาราจักรประกอบด้วยดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ เนบิวลา ฝุ่น กาซ รังสีคอสมิค คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและที่ว่างในอวกาศ เราจำแนกดาราจักรตามรูปร่างออกเป็น 3 ประเภทใหญ่คือ
1) ดาราจักรทรงรี (E,Elliptical Galaxy) มีความรีเรียงตามลำดับนับแต่เป็นทรงกลม E0 ไปจนถึงที่มีความรีมากที่สุดคือ E7
2) ดาราจักรทรงกังหัน (S, Spiral Galaxy) แบ่งออก 2 ชนิดใหญ่คือ ดาราจักรรูปกังหันปกติ (Normal Spiral Galaxy) และดาราจักรรูปกังหันคาน (Barred Spiral Galaxy) ทั้ง 2 ประเภทมีแขนวนรอบ บริเวณนิวเคลียสสว่างกว่าบริเวณแขนทั้ง 2 ชนิดยังแบ่งย่อยออกเป็น 3 แบบคือแบบ a,b,c โดยยึดหลักดังนี้ ความหนาแน่นการขดของแขนกังหัน ระยะห่างของแขนจากนิวเคลียสและขนาดของนิวเคลียส
ก ) ดาราจักรรูปกังหันปกติมีใจกลางคล้ายเลนส์นูนทั้ง 2 ข้าง ที่ขอบตรงกันข้ามมีแขน 2 แขนยื่นออกมาหมุนวนทันทีรอบนิวเคลียสไปทางเดียวกันและอยู่ในระนาบเดียวกัน แบ่งออกเป็น Sa, Sb และ Sc Sa มีบริเวณใจกลางขนาดใหญ่ แบนบาง แขนม้วนงอชิดกันGendler M31 Andromeda Galaxy Photo Sb มีบริเวณใจกลางขนาดเล็กลง แขน 2 ข้างใหญ่ขึ้นและเบนออกกว้างเช่นดาราจักรแอนโดรมิดาและดาราจักรของเรา Sc มีบริเวณใจกลางเป็นแกนเล็ก แขน 2 ข้างเบนออกจากตัวมากขึ้น
ข ) ดาราจักรรูปกังหันคาน มีจำนวนน้อยกว่าชนิดกังหันปกติ 2/3 ของทรงกังหันเป็นกังหันปกติ นอกนั้นเป็นกังหันคานที่มีแขนตรงออกจากนิวเคลียสคล้ายไม้คานก่อน จากปลายทั้ง 2 ข้างมีแขนขดโค้งขยายออกมาวนไปทางเดียวกัน จำแนกพวกย่อยเป็น SBa, SBb และ SBc พวก SBa มีแขนทั้งสองข้างต่อกันเป็นรูปทรงรีคล้ายอักษรกรีก มีใจกลางใหญ่ วงแขนชิดใจกลางพวก SBb มีใจกลางเล็กลง วงแขนวนห่างจากใจกลางมากขึ้น พวก SBc มีใจกลางเล็กยิ่งขึ้น แขนห่างจากใจกลางมากกว่าทั้งสองพวกแรก
3) ดาราจักรอสัณฐาน (Irr, Irregular galaxies) เป็นดาราจักรที่มีรูปร่างไม่แน่นอน มีจำนวนไม่มาก สังเกตลำบากว่าเป็นดาราจักรหรือเป็นก้อนกาซ ตัวอย่างเช่นดาราจักรเมฆแมกเจลแลนใหญ่และดาราจักรแมฆแมกเจลแลนเล็กซึ่งอยู่ทางซีกฟ้าใต้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น